วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กลอน................




โคลงโลกนิติ


เป็นคนคิดแล้วจึ่ง
เจรจา
อย่ามลนหลับตา
แต่ได้
เลือกสรรหมั่นปัญญา
ตรองตรึก
สติริรอบให้
ถูกแล้วจึงทำ๚ะ๛

ที่มาของชื่อบล็อก
*************************************************


วัฏฏสงสาร : น้ำตามากกว่ามหาสมุทร

หยดหยาดน้ำตาคราหนึ่ง เจ็บเศร้าโศกซึ้ง
จะได้กี่หนึ่งช้อนชา

อนันต์แห่งกาลเวลา เกิดดับกี่ครา
น้ำตานับหลั่งเท่าใด

กี่หนดังถูกฉีกใจ กี่คราวร่ำไห้
กลับหายไปจากความจำ

เจ็บแล้วเจ็บเล่ากี่ย้ำ ก็เรื่องซ้ำๆ
วัฏฏะมืดดำบังตา

สมุทรเหลือล้ำพรรณา บ่เทียบน้ำตา
ที่เราหลั่งมานานอนันต์....

ได้ความคิดจาก ๓. อัสสุสูตร ครับ
**************************************



ดีเบท อย่าให้ดีบาด


ถ้าดีเบทขบธรรมเพื่อวิจัย
จุดหมายใหญ่เพื่อรู้ตรง-คงคำสอน
ต่างแสดงต่างแย้งถามตามบทตอน
ชูธรรมก่อนวางศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ

ถ้าต่างฝ่ายร่วมยึดถือคือเพื่อรู้
ไม่ยึดตูกางกั้นทำหัวหมอ
ฝ่ายจะแพ้-แพ้ไม่ได้ ใจรีรอ
ฝ่ายเป็นต่อก็ไม่รานพาลได้ที

ถ้าดีเบทตีคนแทนขบธรรม
อัตตานำธรรมก็ด้อยคนถอยหนี
มีน้อยคนอยากจะสนคนราวี
ความรู้มี-ตีกันบัง คนไม่มอง

ถ้าดีเบทร่วมกันหาความรู้
ไม่แยกฝ่ายเอ็งตูออกเป็นสอง
ไม่สนเรื่องใครชนะใครประลอง
แค่อยากมองธรรมให้ตรงช่วยค้นกัน

ถ้าดีเบทอย่างนี้ดีนักหนา
เพียงแต่ว่าหลากคนหลายสีสัน
ขาวกะขาวดียิ่งทุกสิ่งอัน
ขาวกะดำดำกะดำต้องกลั่นกรอง

อันนี้อ่านกระทู้ "ดีเบท" กันในเวบบอร์ด ที่ตอนแรกก็แย้งกันด้วยเหตุผลเป็นหลัก
ตอนท้ายกลายเป็นเน้นเสียดสีแบบได้น้ำไม่ได้เนื้อ : )
***************************************************



เรือชีวิต



ชีวิตดังเรือน้อยลอยละล่อง
อยู่กลางท้องทะเลสุดไพศาล
เห็นแต่น้ำกะฟ้ามาเนิ่นนาน
ลืมว่าผ่านกี่กาลของวันคืน

โดนคลื่นลมโถมซัดพัดไปซ้าย
เราก็บ่ายมาขวากล้าจะฝืน
ลองกำลังกะชะตากล้าหยัดยืน
หวังสู่พื้นดินฝั่งอันห่างไกล

มีพระธรรมนำทางอย่างเข็มทิศ
กุมหางเสือชีวิตยังจุดหมาย
พายุซัดกี่ครั้งหวังคลี่คลาย
ประคองเรือประคองใจให้ไปดี...

แนวคิดข้อนี้สั้นๆ ว่า ชีวิตมีเหตุปัจจัยที่เป็นตัวแปรมากมาย
หลายๆ อย่างในนั้นเราควบคุมไม่ได้ เหมือนที่ควบคุมคลื่นลมไม่ได้
ได้แต่ใช้ประโยชน์หรือเลี่ยงโทษจากคลื่นลมเหล่านั้น

ที่จริงบทนี้แต่งไม่ได้ดังใจเท่าไร เพราะความสามารถเชิงกวีมีจำกัด แต่จะทิ้งก็เสียดาย
ไหนๆ มีบล็อกแล้ว ก็เอามาใส่ไว้ซะหน่อย : )

************************************************


ฝนทุกข์


สุขทุกข์เปรียบเมื่อฟ้า
มีฝน
พรมพร่างพื้นดินจน
เจิ่งน้ำ
ห่อนฝึกจิตคือชน
จรจัด
ฝกตกเปียกโชกช้ำ
ชุ่มเนื้อ เหน็บใจ



บัณฑิตสดับแล้ว
ฝึกตน
ดุจก่อบ้านกั้นฝน
ภาคหน้า
ก่อธรรมแก่กมล
รู้โลก ละวาง
ฝนตก-ตกเถิดฟ้า
อุ่นใต้ ธรรมบัง


ได้แนวคิดจากเถรคาถานี้ครับ


"ฝนตกลงมา มีเสียงไพเราะดังเสียงเพลงขับ 
กุฎีของเรามุงดีแล้ว มีประตู หน้าต่างมิดชิดดี 
จิตของเราก็ตั้งมั่นดีแล้ว 
ถ้าท่านปรารถนาจะตก ก็เชิญ ตกลงมาเถิดฝน."





1 ความคิดเห็น:

  1. อัสสุสูตรเราก็แต่งไว้เหมือนกันนี่นา เดี๋ยวเอามาลงแข่งมั่ง อิอิ
    กลอนเก่าๆ ก็มีหลายอยู่ แต่กลอนดีๆ ไม่ค่อยมีเท่าไหร่
    มีแต่กลอนตีกะพวกจานบิน เยอะ อิอิ

    ตอบลบ