สารบัญบล็อก
วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552
หวังดี-พอดี
ความหวังดีนั้นเป็นเรื่องทางใจ หมายความว่า ถ้าใจจริงนั้นจริงใจ ความหวังดีอันนั้นก็เป็นของดีอย่างไม่ต้องสงสัย และควรที่ใครๆ จะมีความปรารถนาดีแก่กันและกัน
แต่การแสดงความหวังดีนั้นเป็นขั้นที่เลยออกมาจากความหวังดีในใจเฉยๆ คือออกมาเป็นคำพูดบ้าง การกระทำบ้าง มีคนรับรู้ มีคนได้รับผลจากคำพูดและการกระทำนั้นๆ การวัดคุณค่าของมัน จึงดูแต่ทางใจไม่ได้
โดยเจตนาทั่วไปของความหวังดี คืออยากให้คนอื่นได้ดีหนึ่ง กับอยากให้คนอื่นพ้นจากสิ่งไม่ดีอีกอย่างหนึ่ง และโดยองค์ประกอบของมิตรแท้ก็พึงเป็นอย่างนี้ เช่นแนะในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ห้ามปรามในสิ่งที่เป็นโทษ ไม่ใช่คอยแต่จะเออๆ ออๆ หรือสนับสนุนให้เพื่อนลงเหวอย่างมิตรปฏิรูปก์
ปัญหามีว่า เนื่องจากค่านิยมของคนเราไม่เหมือนกันเป๊ะๆ บางอย่างเราว่าดี เขาว่าไม่ดี บางอย่างเราว่าไม่ดี เขาว่าดี เป็นต้น ถ้าเช่นนั้นจะเอาอะไรมาตัดสิน...
ปัญหายังซ้อนทับอีกชั้นหนึ่งว่า โดยทั่วไปอีกล่ะ : ) คนเรามักจะถือตัวว่ารู้ดีรู้จริงกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะไม่ทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยก็ในสิ่งที่คิดว่าตนเองรู้ เช่น ผู้ใหญ่ก็ว่าตนอาบน้ำร้อนมาก่อนมีประสบการณ์มาแล้ว เด็กก็ว่าผู้ใหญ่ล้าหลังไม่ทันปัจจุบัน เป็นต้น
เมื่อบวกกับความหวังดีที่กระตุ้นในใจ จึงอาจจะเกิดพฤติกรรมที่เรียกว่า เข้าไปแทรกแซง ชักนำจนถึงฉุดลาก ตักเตือนจนถึงขัดขวาง แล้วแต่ระดับการถือวิสาสะของผู้หวังดีนั้นๆ ซึ่งถ้าผู้ได้รับความหวังดีนั้นมีมุมมองไม่เห็นด้วยตามที่กล่าวข้างต้น ก็อาจจะเกิดความอึดอัดน้อยๆ จนถึงขัดใจกันมากๆ ได้
ตอนนี้ก็มีสองจุด คือ 'ดี' ตามมุมมองของคนหวังดีนั้น ดีจริงหรือไม่? กับวิธีัการแสดงความหวังดีของคนหวังดีนั้น ได้ผลตามหวังหรือยิ่งผลักให้อีกฝ่ายออกห่างมากกว่าเดิมอีก
ที่กล่าวมานี้ ไม่ใ่ช่ว่าการเข้าไปแทรกแซงเป็นต้นนี้ ไม่ควรทำทุกกรณี ไม่อย่างนั้นคงไม่มีนักเรียนที่ได้ดีเพราะโดนครูตีครูด่า แต่ในทางกลับกัน กรณีที่พ่อแม่บังคับลูกให้เรียนในสาขาที่พ่อแม่ชอบ (แต่ลูกเกลียด) ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ไม่ควรมองผ่าน
แล้วความพอดีควรอยู่ตรงไหนนะ?
**********************************
หมายเหตุ แรงบันดาลใจของบทความนี้
เนื่องจากวันนี้ คนเขียนเพิ่งเซ็งเพราะโดนคนอื่นหวังดีเข้าให้ -__-"
นึกในใจว่า "แกหวังดีทีไร ฉันซวยทุกที"
(ที่จริงก็ไม่ทุำกทีหรอก แต่ถ้าไม่เวอร์นิดๆ จะไม่ได้อารมณ์) : )
เลยมานึกถึงรายละเอียดของความหวังดีขึ้นมา
พอนึกไปๆ ก็เลยนึกเป็นเรื่องเป็นราวเลย 55...
ก็เลยมีเรื่องมาให้อัพเดพบล็อกตัวเองนิดหน่อย
ช่วงนี้เจ้าของบล็อกติดเกมงอมแงม เลยไม่ค่อยได้เล่นเนต แหะๆ __/\__
วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ไฮกุ (หรือเปล่าก็ไม่รู้)
"โทรศัพท์บนโต๊ะ
ชายชรานั่งเหม่อใจลอย
ทั้งห้องเงียบสงัด"
"กระต่ายนอนหลับปุ๋ย
เต่าคลานต้วมเตี้ยมผ่านไป
เส้นชัยอยู่ข้างหน้า"
"นกน้อยบนยอดไม้
เด็กน้อยเล็งง้างหนังสติ๊ก
การบ้านกองบนโต๊ะ"
"ลมเอื่อยโชยสบาย
เสียงน้ำรินไหลเสนาะหู
อ่านกลอนใต้ร่มไม้"
"เจ้าหญิงหลับนิ่งนาน
คอยเจ้าชายมอบจุมพิตปลุก
เธอไม่ได้แปรงฟัน"
"ต้นเดือนผ่านไปไว
ปลายเดือนอ่อยอิ่งไม่พ้นง่าย
นาฬิกาเที่ยงตรง"
*****************************************************
เพิ่งรู้จักกลอนที่เรียกว่า 'ไฮกุ' จากพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง
นั่งว่างๆ เลยนึกครึ้มๆ อยากแต่งมั่ง อันที่จริงแล้วมั่วๆ เอามากกว่า อิอิ : )
เพราะยังไม่ทำความเข้าใจหลักเกณฑ์กะที่มาที่ไปของมันสักเท่าไร
ไหนๆ ก็แต่งแล้ว บล็อกก็ไม่ได้อัพซะนาน เลยเอามาลงบล็อกซะเลย
ถึงจะขี้เหร่ไปหน่อย แต่เราไม่อายอยู่แล้วนี่นา 555
03/12/09
**************************************************
03/12/09
**************************************************
"รถตู้แล่นผ่านไป
หญิงสาวถูกจับมัดในนั้น
ไม่มีคนมองเห็น"
"งานวัดคนคับคั่ง
บรรยากาศครึกครื้นจอแจ
พระทรงฌานในกุฏิ"
"ไก่ขันเสียงเจื้อยแจ้ว
แสงแรกเช้าลอดเข้าห้อง
ฉันซุกใต้ผ้าห่ม"
"เปิดทีวีดูข่าว
ถ้วยกาแฟวางอยู่บนโต๊ะ
คนหลับบนโซฟา"
"หน้ากระดาษว่างเปล่า
ดินสอถูกวางไว้ใกล้ๆ
จิบชาริมหน้าต่าง"
"ขยับนั่งหลังตรง
สูดหายใจเข้าออกช้่าๆ
ไม่รับรู้โลกหล้า"
"เดินทอดน่องริมทาง
ผู้คนขวักไขว่รอบๆ กาย
ใจอยู่กับยกย่าง"
****************************************************
ติดลมจากเมื่อวาน สนุกดีแฮะ อิอิ : ) เสียแต่ว่าบางทีตัวเองอ่านเองยังรู้สึกว่าไม่เป็นกลอนเท่าไร
เหมือนจับคำมาเรียงๆ กันให้ครบๆ พยางค์มากกว่า จะขึ้นหน้าใหม่ก็ขี้เกียจ จับใส่รวมกะของเดิมนี่แหละ
04/12/09
****************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)